บุกโรงงาน Kolberg Percussion, Germany (Full Review)


เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา รอบนี้มาประเทศเยอรมนีเพื่อออดิชั่น Schleswig-Holstein Festival 2023 ในเมือง München (มิวนิค) ซึ่งไหนๆก็มาแล้วเลยไป เมือง Stuttgart เลยก็แล้วกันเพราะ ปีก่อนมาเมืองนี้รอบนึงแล้วกับวง Siam Sinfonietta แต่ไม่มีเวลามาที่นี่ รอบนี้เลยจัดซะ

เอาจริงๆไม่ได้หวังว่าจะออดิชั่นติด หวังว่าจะมาแค่ที่นี่เท่านั้นเลย55555 (สรุปได้ Waiting List ซึ่งถือว่าเกินคาด เพราะในห้องมือแข็ง เพราะกรรมการคือคุณ Guido Ruckel นักทิมปานีวง Munich Philharmonic Orchestra)

    Kolberg Percussion คงเป็นที่ๆนักเพอคัชชั่นหลายคนต้องรู้จักเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ เช่น Adams, Pearl, Yamaha, Lefima และอื่นๆอีกมากมาย
แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1968 (2511) ก็เป็นเวลา 55 ปีมาแล้ว ที่มีแบรนด์นี้อยู่บนโลก ด้วยความยิ่งใหญ่ของแบรนด์นีที่เราได้เห็นตามโซเชียล หรือเห้นผ่านๆตา เสียงที่เราได้ยิน ล้วนมีคุณภาพระดับดีเยี่ยมมากๆ รวมถึงมีนวัตกรรมต่างๆที่ออกมามากมาย ทำให้ผมนั้นอยากที่จะมาที่นี่มากๆ
ในเมืองไทยนั้นเท่าที่เห็นมีเพียงไม่กี่คนที่มีสินค้าของ Kolberg (นับได้ 4 คน) และที่ม.มหิดล มีเก้าอี้สำหรับนักเปอโดยเฉพาะอยู่ใน Music Auditorium ประมาณ 3-4 ตัว ซึ่งก็ยังไม่เคยได้ถามว่าได้มาตอนไหน ยังไง (ไว้จะมีอัพเดททีหลัง)
    การเดินทางก็ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จาก Stuttgart Hbf มาถึงเมือง Uhingen และต้องนั่งรถเมล์ต่ออีกนิดหน่อย แต่ด้วยความที่มาถีงช้าและไม่อยากรอ จึงเดินจากสถานีรถไฟ ประมาณ 10 นาที

ปล. รูปประกอบอาจจะเอาไม่หมดนะครับ เพราะถ่ายไว้เยอะมาก

หน้าโรงงาน Kolberg Percussion
หน้าประตูทางเข้า

    พอไปถึงสื่งแรกที่เขาถามคือ “คุณได้ Made Appointment (นัดเวลา) หรือยัง?” ซวยครับ ลืมไปว่าทุกอย่างในยุโรปแทบจะต้องนัดเวลาก่อนทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่เราเดินทางมาไกล บวกกับคนที่นัดเวลาไว้ไม่ได้มา และ มีแก๊งก่อนหน้าที่ไม่ได้นัดเวลามาก่อนเช่นกัน เขาจึงอนุญาตให้เข้าได้
โดยปกติที่นี่ไม่ได้เปิดเป็นร้านเหมือนร้านขายเครื่องดนตรีทั่วไป ด้วยมีโรงงานผลิตเครื่องดนตรีในตัว ในส่วนของ Showroom จะมีไว้เพื่อต้อนรับแขกต่างๆ ที่มาเยี่ยม หรือ ลูกค้าที่นัดเวลาเข้ามา โดยไม่ได้มีพนักงานคอยประจำอยู่ทุกจุดตลอดเวลา พูดง่ายๆก็คือ ถ้าจะมา ต้องนัดเวลาก่อน เขาจะได้เตรียมตัวนั่นเอง

และคนที่มาต้อนรับและพาพวกผมเยี่ยมชมก็คือ คุณ Klaus Kolberg ซึ่งเป็นลูกชายของคุณ Berhnard Kolberg เจ้าของโรงงานแห่งนี้นี่เอง

ระหว่างเดินขึ้นไปชั้นโชว์รูม

โปสเตอร์รูปถ่ายเยอะมาก (เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ดีมาก)

สถานที่แห่งนี้ที่พวกผมเยี่ยมชมนั้น เป็นตึกมีทั้งหมด 5 ชั้น โดยใน 2 ชั้นบนนั้นจะเป็นห้องโชว์รูม Percussion,Timpani และ Mallets แยกกันไป

โซนที่ 1: Percussion
ในที่สุดก็ได้มาสวรรค์แห่งนี้สักที
เซลฟี่สักหน่อย (ตื่นเต้นจนกล้องสั่น😂)

ชั้นแรกที่พวกผมไปโผล่ก็คือโซน Percussion ซึ่งผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจว่ามันมีทุกอย่างที่นักเพอต้องการแบบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกลอง,ฉาบ,ระฆัง,ไม้,ฆ้อง สากกระเบือยันเรือรบของแท้100%

จุดแรกที่เดินมาดูนั้นคือสแนร์ คือ เยอะมากกก ตัวถังไม้ เหล็ก ทองเหลือง ทองแดง แบบทุบไม่ทุบ ขนาดไหน เล็กยันใหญ่คือมีหมด



ไม้ Rosewood

ไม้ Hornbeam

มีแส้ให้เลือกเยอะมากก


ขาตั้งกลองแบบแขวน

โซนอุปกรณ์





สิ่งที่ค่อนข้างขายดีของที่นี่ นั่นก็คือพวก Accessories ต่างๆ ที่ค่อนข้างตอบโจทย์นักเปอได้ดี เช่น เก้าอี้สำหรับนักดนตรี ที่สามารถปรับได้หลายแบบ มีความทนทาน แข็งแรง, ขาตั้งกลองสแนร์ที่เป็นลักษณะแขวน สแตนต่างๆที่สวยและทน ถือเป็นจุดเด่นของยี่ห้อนี้เลยก็ว่าได้



อีกอย่างคือนวัตกรรมที่โผล่มากับเครื่องดนตรี เช่น แทมบูรินที่มีด้ามจับแยกเพื่อการเล่นหลากหลายมากขึ้น สามารถหมุนได้180องศา มีmute มาให้ และยังมีแทมบูรินที่สามารถถอด Jingle เปลี่ยนเองได้ตามต้องการ

Chimes แบบวางนอน ไม่ต้องเอื้อมตีอีกต่อไป

triangle machine ที่ไม่ต้องถือทั้งเครื่องและไม้, ขาสแนร์ล้ำๆ, chimes แบบวางนอนจะได้ไม่ต้องยื่นแขน, pedal สำหรับปลดแส้กลอง คือแม่งล้ำอ่ะ ยี่ห้ออื่นคงมีบ้าง แต่ผมอาจจะไม่เคยเห็น แต่ที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ คือผมเห็นครั้งแรกในชีวิต
คุณ Klaus ใจดีมาก ให้พวกผมได้อยู่ทดลองทุกอย่างได้เต็มที่ จนโรงงานปิด ซึ่งตัวผมเองก็สนใจอยู่ที่กลองสแนร์ก็เลือกไม้ไปเรื่อยๆ เหมือนเด็กอยู่ในร้านขนม แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่แบรนด์ทุกอย่างผลิตเองแทบ100% ทำให้ราคาค่อนข้างสูงนิดหน่อย ทำให้ผมนั้นได้ของติดไม้ติดมือมาอย่างเดียวเท่านั้น

ไม้สแนร์ที่ได้มารุ่น Macarez K10Z Rosewood


ระหว่างลองไม้กลอง เลือกนานอยู่เพราะน้ำหนักไม่ค่อยเท่าเยอะ แต่เขาบอกเลือกได้ตามต้องการ นอกจากนี้ไม้สแนร์ยังมีไม้ที่เขาเรียกว่า 2nd Choice คือไม้เกรดรองลงมาที่อาจจะมีการเบี้ยวนิดหน่อย หรือน้ำหนักที่ไม่แมช ที่ราคาจะถูกลงมานิดหน่อย แต่ส่วนตัวคิดว่าราคามันไม่ห่างกันมาก ผมเลยจัดไม้ปกติ

ข้อดีของไม้ที่นี่คือ สามารถเลือกน้ำหนักไม้ได้ โดยแต่ละคู่จะมีน้ำหนักเขียนกำกับไว้ที่กล่อง ทั้งที่ทั้งนั้น เท่าที่ลอง มีหลายคู่ที่เสียงไม่เท่ากัน (น้ำหนักอาจจะเท่า) และสีของเนื้อไม้ก็แตกต่างกันไปแต่ละคู่ 

เช่นเดัยวกับไม้เครื่องอื่นๆ ที่มีตัวเลือกให้เยอะมาก ไม้ไทรแองเกิลก็เช่นกัน โดยรวมคือแนะนำว่าถ้ามีโอกาสมาลองได้ให้มาลองก่อน เพราะถ้าหากสั่งซื้อออนไลน์ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะถูกใจมากน้อยแค่ไหน



โซนเครื่องดนตรีเอเชีย




ในโซนนี้มีเครื่องดนตรีไทยหลายชนิด เช่น Thai Gong, กลองเพล ,อังกะลุง เขาบอกสั่งมาจากไทยนะครับ เห็นแล้วภูมิใจมาก

โซนที่ 2: Mallets Instruments


ในโซนต่อมาจะเป็นโซน Mallets ทั้งหมด โดยจะอยู่ในชั้นเดียวกันกับ Percussion แต่จะแยกห้องกันไว้
ทำให้เห็นว่ายี่ห้อนี้มีทุกอย่างครบวงจรตั้งแต่เครื่องยันไม้นั่นเอง




แน่นอนว่าเป็นโซนที่ผมสนใจน้อยที่สุด เพราะไม่อิน55555 ถามว่าเสียงดีไหม แน่นอนว่าดีแน่นอน แต่ถ้าจะให้ถามว่า ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นๆนั้นเสียงต่างกันยังไง ข้อนี้คงตอบให้ไม่ได้ครับ ต้องมาลองเองครับ
ชอบที่สุดคงเป็นเบลกล่องเล็กๆน่ารัก (ลืมถ่ายไว้) ที่ให้เสียงเพราะใสแจ๋วมาก รวมถึงไม้ที่มีให้เลือกแทบจะทุกแบบ

โซนที่ 3: Timpani




โซนสุดท้ายนั่นก็คือ Timpani เป็นโซนที่ชอบพอๆกันกับ Percussion
เพราะมี Timpani แทบจะทุกแบบ ไล่ตั้งแต่ Barouqe Timpani, Student Timpani, Professtional Timpani รวมถึง Pedal หลายแบบ แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นระบบ Clutch System



ตัวถังที่มีทั้งทองแดง ไฟเบอร์กลาส และอลูมิเนียม ที่เป็นตัวทดลองที่ไม่ได้ทำขายจริง เนื่องด้วยคุณลักษณะเสียงที่อาจจะสู้ทองแดงไม่ได้


หนังที่มีทั้งพลาสติกขาว หนังเลียนแบบหนังสัตว์ เช่น Remo Renaissance และหนังวัว หนังแพะ ทำให้สามารถได้ยินถึงความแตกต่างชัดเจนของหนังแต่ละรูปแบบอีกด้วย
ไม้ที่มีครบทุกแบบจบที่เดียว อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ คือยี่ห้อเดียวจบเท่าที่จะนึกออก

Hard Case ใส่ไม้ทิมปานี

ไม้ทิมปานี (แอบเหมือน Cloyd Duff มาก แค่เป็น Flannel แต่ที่เหลือเป๊ะ)

เครื่องดูดความชื้นหนังสัตว์



แต่สิ่งที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นเครื่องดูดความชื้น โดยเขาเล่าว่าทดลองจากการที่ หนังสัตว์นั้นไม่ถูกกับความชื้นและเมื่อเจออากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้ต้องคอยจูยหนังหรือดูแลตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงร่วมมือกับอีกเจ้า (จำชื่อไม่ได้) ในการคิดเครื่องดูดความชื้นจากด้านในตัวถังขึ้นมา ซึ่งแม่งเจ๋งมาก และผมถามว่าและจะเสียบปลั๊กหรือใช้งานยังไง เขาก็ชี้ Power Bank ที่เสียบอยู่ข้างฐานตัวถัง เก็ตครับ เสียบชาตปุ๊บ ใช้งานได้ทันที
ผมโคตรตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก เพราะเพิ่งคุยกับอาจารย์ไปว่า มันมีใครคิดค้นอะไรแบบนี้ขึ้นมาบ้างไหม (สำหรับทิมปานีโดยเฉพาะ) มาวันนี้ผมเจอแล้วที่นี่




โดยรวมแล้วเป็นสถานที่ๆนักเพอหรือมือกลอง ควรจะมาเหยียบสักครั้ง เพราะมีทุกอย่างค่อนข้างครบ อาจจะมีไม่ครอบคลุมทั้งโลก แต่ว่าสิ่งที่เขามีนั้นค่อนข้างที่จะครอบคลุมกับชีวิตนักดนตรีโดยเฉพาะออเคสตร้า

ผมและคุณ Klaus Kolberg


ก่อนกลับผมได้ถามเขาว่า เคยมีคนไทยมาที่นี่บ้างไหม
เขาตอบว่าถ้าที่เขาจำได้ เคยมีเมื่อนานมาแล้วอาจารย์พานักเรียนมา แต่จำไม่ได้ว่ามาจากไทยหรือ อินโดนีเซีย แต่ที่แน่ๆคือ ผมกับน้องเฟย เป็นนักเพอคนไทยคู่แรกที่มาที่นี่ (ซึ่งอาจจะมีคนอื่นเคยมาแล้ว อาจจะเจอกับเจ้าของ หรือเขาจำไม่ได้ ก็ไม่อาจรู้) คนไทยคนไหนเคยมาแล้ว รบกวนแสดงตัว แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหน่อยครับ ว่าที่นี่มันสุดยอดแค่ไหน

ใครที่อยากมาที่นี่ บอกเลยว่ามีทุกอย่างจริงๆ แบบไม่ต้องหาที่อื่นแล้ว แต่อย่าลืมนัดเวลาก่อนนะครับ

สำหรับราคาสินค้านั้นแน่นอนว่า เนื่องจากเป็นโรงงานที่ผลิตเองแทบทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องดนตรีเอเชียบางชิ้น บวกกับค่าแรงของที่นี่นั้นสูงอยู่แล้ว ทำให้ราคาสินค้าของที่นี่ค่อนข้างแพงมาก แต่คุณภาพบอกได้เลยว่าสุดจริงๆ ดังนั้นใครที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แนะนำยี่ห้อนี้ครับ หรืออาจจะดูยี่ห้ออื่นเปรียบเทียบกันไปตามความเหมาะสมนะครับ
โดยพวกผมนั้นซื้อไม้คนละ 1 คู่ และมีของน้องเนียร์ ศิลปากรฝาก 1 คู่ จากที่อยู่กับคุณ Klaus มาประมาณ 2 ชั่วโมง จากที่คุยแนะนำตัวกันตอนแรกว่าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทยมาเรียนที่ออสเตรีย เขาเลยลดราคาสินค้าให้ 10% (แต่ก็ยังแพง) ที่แพงเพราะภาษีโหดมาก โดนไป19% (เป็นเรื่องปกติ)

ใบเสร็จตอนจ่าย

ก่อนกลับได้ของที่ระลึกเป็นดินสอ 1 คู่ โดยมียางลบ กบเหลาอยู่ในตัว ขนาดดินสอยังล้ำ

ดีใจที่ได้มาที่นี่จริงๆ ขอบันทึกไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ
ครั้งหน้าจะได้ไปที่ไหนอีก รอติดตามนะครับ
สวัสดีครับ

มีคลิปรวบรวมบรรยากาศด้วยนะครับ Visiting Kolberg Percussion Factory! - YouTube
ดูรูปทั้งหมดได้ในอัลบั้มเฟสบุ๊คผมเอง มีเยอะมากก Facebook

เว็บไซต์ทางการ Kolberg Percussion Kolberg Percussion | Orchestra Equipment & Percussion

ติดต่อเรา
👉Facebook: JJ Percussion & Repair JJ Percussion & Repair - Facebook
👉Youtube: JJ Percussion & Repair


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mallets & Instruments Choice ฉบับเต็ม ep.1 ตอน Timpani

วิธีปรับขาตั้ง Yamaha Concert Bass drum ที่หลายๆคนไม่รู้ (Complete)

ช่วงคืนชีพ Tambourine ราคา 100 บาท